บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส หรือ DBSV มั่นใจเคาะดัชนีหุ้นไทยปีนี้โตแตะ 1800 จุด รับอานิสงส์รัฐกระตุ้นบริโภค-เร่งลงทุน-โอมิครอนไม่แรง ระวังปัยจัยเสี่ยง “เฟดขึ้นดอกเบี้ย-จีนชะลอตัว-เก็บภาษีขายหุ้น” แนะกลยุทธ์ลงทุน กลุ่มได้ประโยชน์จากการเปิดเมือง ” EV – ดิจิทัล – ความปลอดภัยด้านไซเบอร์-ธนาคาร”
วันที่ 21 มกราคม 2565 นางสาวอาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล. ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นปี 2565 ดัชนีหุ้นยังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเป้าหมายดัชนีหุ้นอยู่ที่ 1800 จุด เพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบกับดัชนีหุ้นปิดสิ้นปี 2564 อยู่ที่ 1658 จุด อิงกับ EPS growth ที่ 9% และ P/E 19.4 เท่า (เท่ากับระดับปิดสิ้นปี 2564)
ปัจจัยบวก คือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจปีนี้ 3.4% โดยได้รับอานิสงส์จากการบริโภคและการลงทุนของภาครัฐที่ขยายตัวดีขึ้น จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เช่น คนละครึ่ง เฟส 4 (เริ่ม 21 ก.พ) มาตรการด้านการท่องเที่ยว มาตรการสนับสนุนธุรกิจ SME รวมทั้งได้รับอานิสงส์จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในประเทศที่คาดการณ์ว่า จะยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำต่อไป จนถึงต้นไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ นอกจากนี้ ยุโรปเริ่มพิจารณาให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น และผู้คนสามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติได้
ปัจจัยลบ คือ ภาพรวมเศรษฐกิจจีนที่เติบโตชะลอตัวลงหลังใช้มาตรการคุมเข้มโควิดโอมิครอน รวมทั้งตลาดยังมีความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) อาจจะมีการปรับเพิ่มดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ หลังจากที่ภาวะเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง ส่วนปัจจัยลบในประเทศก็คือ กรณีที่นักท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศได้มีการยกเลิก และเลื่อนการจองห้องพักแล้ว 25-50% หลังจากที่มีการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโควิด-19 สายพันธ์โอมิครอน
โดยกลยุทธ์การลงทุนในปีนี้ แนะทยอยสะสมหุ้นธีมเด่น ที่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น เช่น หุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ กลุ่มธุรกิจประกัน รวมทั้งหุ้นที่อยู่ใน Mega Trend ที่เกี่ยวข้องกับ รถยนต์ EV แบตเตอรี่ โรงไฟฟ้า โรงพยาบาล ดิจิตอล & ความปลอดภัยด้านไซเบอร์ เป็นต้น รวมทั้งหุ้นที่อยู่ในธีม ESG
ด้านนายสมบัติ เอกวรรณพัฒนา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล. ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับธุรกิจการท่องเที่ยวในประเทศไทย มีการฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่าปีนี้ มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศประมาณ 5-6 ล้านคน และปี 2566 เพิ่มเป็น 20 ล้านคน โดยตัวแทนหุ้นท่องเที่ยวฟื้นตัว แนะนำซื้อ
AOT ให้ราคาพื้นฐาน 75 บาท (DCF) จากแนวโน้มธุรกิจคาดว่าจะดีขึ้น ตั้งแต่ไตรมาสแรกปี 2565 จากการเปิดประเทศมากขึ้น ทำให้การท่องเที่ยวจากทั้งภายในและต่างประเทศฟื้นตัวดีขึ้นแนวโน้มระยะยาว ส่วนความเสี่ยงอาจมาจาก นักท่องเที่ยวจีนพิ่มน้อยการเรียกเก็บผลตอบแทน King Power ลดลง
CPN เป็นหุ้นรายแรกๆ ที่ได้ประโยชน์จากการเปิดเมืองแนะนำซื้อ กำหนดราคาพื้นฐาน 66 บาท (DCF) คาดการณ์ว่ารายได้ค่าเช่าและบริการในปี 2565จะดีขึ้นจากส่วนลดค่าเช่าที่ต่ำลง หลังจากปี 64 ที่คาดว่ามีรายได้เป็นเพียง 65% ของปี 62 ก่อนเกิดโควิด-19 ในปี 66 คาดว่ากลับสู่ระดับปกติได้ หลังสถานการณ์โรคระบาดคลี่คลาย ประมาณการกำไรสุทธิปีนี้เติบโต 21.6% หลังจากหดตัว 19.7% ในปี 2564 ถือว่ากลับมาฟื้นตัวได้ดีมาก
AMATA จะได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจฟื้นตัว การเปิดประเทศทำให้ยอดขายที่ดินในนิคมฯกระเตื้องขึ้น รายได้สาธารณูปโภคและส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนสูงขึ้นได้อานิสงส์จากการลงทุนในพื้นที่ EEC ขณะที่ภาครัฐให้การส่งเสริมลงทุนพัฒนาที่ดินในประเทศลาว เป็นสมาร์ท แอนด์ อีโคซิตี้ ติดกับสิบสองปันนา คาดว่าจะเป็นผลดีในระยะยาว เพราะมีเส้นทางรถไฟความเร็วสูงลาว-จีนเชื่อมต่อ ราคาพื้นฐาน 23 บาท
PTTEP แนะนำซื้อราคาพื้นฐาน 160 บาท (DCF) คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2565 เพิ่มขึ้น 15% สะท้อนปรับสมมติฐานราคาน้ำมัน BRENT ขึ้นเป็น 75 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากเดิม 70 ดอลลาร์/บาร์เรลปัจจัยหนุนราคาน้ำมัน คือ อุปทานที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าอุปสงค์ กลุ่มโอเปกพลัสคงนโยบายเพิ่มการผลิต 4 แสนบาร์เรล/วันสำหรับเดือน ก.พ. 2565
อ้างอิง
https://www.prachachat.net/finance