นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน บรรยายในหัวข้อ “ถอดบทเรียนวิกฤติพลังงานโลก สะเทือนถึงไทย” ในงานเสวนาทางออกฝ่าวิกฤติ”พลังงานโลก “ทางรอด”พลังงานไทย” ว่า กระทรวงอยู่ระหว่างเตรียมมาตรการช่วยเหลือด้านพลังงานให้กับประชาชนเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ โดยจะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ต้นเดือนพฤศจิกายน 2565 เบื้องต้นคาดว่าจะยังคงใช้มาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าให้กับประชาชนผู้ใช้ไฟรายย่อยขนาด 300-500 หน่วยต่อเดือนซึ่งมี 17 ล้านคนทั่วประเทศ และจะมีการขยายมาตรการใหม่เพิ่มเติมอื่นๆ ส่วนค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ(Ft) เบื้องต้นคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ส่งสัญญาณว่าจะมีการตรึงอัตราค่าไฟฟ้า 4.72 บาท/ต่อหน่วยไปจนถึงไตรมาสสองของปี 2566 หรือในช่วงของการคำนวนค่าเอฟทีงวดแรกของปี 2566 ระหว่างเดือนมกราคมถึงเมษายน
“ภาครัฐจำเป็นต้องพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบส่งไฟฟ้าให้ทันสมัย ปรับแก้กฎระเบียบรองรับสมาร์ทกริด และสมาร์ทมิเตอร์ ให้พร้อมรองรับเรื่องของพลังงานหมุนเวียน และรถอีวี ที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต ทั้งนี้ ได้เตรียมจัดทำของขวัญปีใหม่ให้คนไทย โดยจะเสนอในการประชุม กพช.เดือน พ.ย.นี้ พิจารณาทั้งเรื่อง LPG และค่าไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งในส่วนของค่าไฟ ยังจะดูกลุ่มผู้ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 300 หน่วย และ 500 หน่วยต่อ รวมถึงจะมีมาตรการเสริมสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วไปด้วย”
โดยปี 2566 สำนักวิเคราะห์ราคาพลังงานต่างๆมองแนวโน้มราคาน้ำมันดิบตลาดโลกเฉลี่ยยังอยู่ระดับสูงราว 100-110 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่ก๊าซธรรมชาติเหลว( LNG) เฉลี่ยทั้งปี 2566 คาดการณ์ที่ 39 เหรียญต่อล้านบีทียู ซึ่งรัฐจะพยายามดดูแลประชาชนต่อเนื่องเพื่อลดผลกระทบโดยมาตรการพลังงานที่รัฐช่วยเหลือประชาชนตั้งแต่ปี 2563-ก.ย.65 คิดเป็นวงเงินสูงถึง 242,200 ล้านบาท ดังนั้นประชาชนทุกส่วนโดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดใหญ่ทั้งห้างสรรพสินค้า โรงแรม โรงงาน จำเป็นต้องร่วมมือในการประหยัดพลังงานประกอบด้วยเพราะค่าพลังงานจะไม่ใช่ของถูกอีกต่อไป
สำหรับแนวทางที่จะดำเนินการในไตรมาส 4 จนถึงไตรมาส 1 ปีหน้า เพื่อลดผลกระทบพลังงานแพงได้แก่ 1.ปรับเปลี่ยนให้โรงไฟฟ้ากฟผ.และเอกชนให้ใช้น้ำมันเตาหรือดีเซลทดแทน LNG ที่มีราคาแพง 2.การยืดอายุโรงไฟฟ้าถ่านหินแม่เมาะโรงที่ 8 ต่อไปอีก 2 ปี และนำโรงที่ 4 ที่หมดอายุผลิตต่อ 3.การเพิ่มกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติในประเทศจากแหล่งอื่นๆ และแหล่งเอราวัณ 4.การซื้อไฟฟ้าพลังงานจากประเทศ สปป.ลาว เพิ่มมากขึ้น 30%
“บทเรียนที่เกิดขึ้นชี้ให้เห็นว่าพลังงานที่หมดไปมีราคา เพราะมีจำกัดแผนพลังงานชาติจึงเน้นหันมามองพลังงานที่พึ่งพาตนเองได้มากขึ้นคือพลังงานที่ใช้ไม่หมดคือแสงอาทิตย์ ลม แล้วทำให้มั่นคงด้วยการเพิ่มระบบกักเก็บ มุ่งตอบโจทย์ลดโลกร้อนดังนั้นแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศPDP2022 ที่เป็น1ใน5แผนย่อยของแผนพลังงานชาติจะเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนเป็น 10,000เมกะวัตต์โดยเป็นพลังงานแสงอาทิตย์ 6,000 เมกะวัตต์ เป็นต้น”นายกุลิศกล่าว
น.ส.สมฤดี พู่พรอเนก รองอธิบดีกรมยุโรป กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวเสวนาเรื่อง“วิกฤติรัสเซีย – ยูเครน สะเทือนทั่วโลก” ว่า คงต้องติดตามราคาพลังงานโลกใกล้ชิดหลังจากที่สหภาพยุโรป(อียู)คว่ำบารตรัสเซียด้านพลังงานที่จะทำให้หันมาซื้อในตลาดใหม่ที่เป็นการแย่งตลาดเดียวกับไทยเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูหนาว ท่ามกลางการผลิตที่โอเปกพลัสลดการผลิตลง 2 ล้านบาร์เรลต่อวันและการสู้รบระหว่างรัสเซีย-ยูเครนยังคงมีต่อเนื่องเพราะไทยพึ่งพาการนำเข้าพลังงานโดยเฉพาะน้ำมันดิบค่อนข้างมากซึ่งย่อมกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม
“สิ่งที่น่าจับตาคือมาตรการอียูที่ปรับกฏหมายแผน Re Power เช่น แผนเลิกการนำเข้าก๊าซจากรัสเซียปีค.ศ.2030 นอกจากนี้ฝั่งอุปสงค์ยังกำหนดลดใช้ก๊าซฯโดยเน้นการประหยัด ด้านอุปทานแสวงหาแหล่งพลังานที่อื่นๆ วันนี้อียูนำเข้าก๊าซฯจากรัสเซียแค่ 20% และผ่านท่อหลักตุรกีเท่านั้นก็ต้องติดตามว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป เช่นเดียวกับการเมืองที่ผันผวนเพราะผลกระทบจากพลังงานที่แพงและขาดแคลนด้วย”คุณสมฤดีกล่าว
ดร.เขมนิจ จามิกรณ์ (แพนเค้ก) นักแสดงชั้นนำ กล่าวหัวข้อ“ประหยัดพลังงานสไตล์ซุปเปอร์โมเดลรักษ์โลก” กล่าวว่า เราต้องปรับ Mindset ที่จะต้องเน้นการประหยัดซึ่งครอบครัวของตนเองมีขนาดใหญ่การใช้ไฟฟ้าค่อนข้างสูงจึงต้องร่วมมือกันทั้งสมาชิกครอบครัว รวมไปถึงล่าสุดตนเองหันมาปรับวิถีชีวิตด้วยการลดการทานเนื้อเหล่านี้ล้วนเป็นกระบวนการในการประหยัดพลังงานทางอ้อม ซึ่งบางเรื่องเป็นสิ่งง่ายๆที่เริ่มได้จากตัวเรา